สรุปเนื้อหาสำคัญ
การบินไทย (THAI.BK) กำลังพิจารณาใช้สิทธิ์สั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้งเพิ่มอีก 35 ลำ จากออปชั่นที่มีอยู่ เพื่อต่อรองในกระบวนการเจรจาภาษีระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ตามที่คุณชัย เอมศิริ ซีอีโอของการบินไทย ให้ข้อมูลที่งาน Reuters NEXT Asia ที่สิงคโปร์ แม้ว่าก่อนหน้านี้การบินไทยได้สั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 787-9 จำนวน 45 ลำไปแล้ว การตัดสินใจนี้มีเป้าหมายเพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีสินค้าส่งออกไทยไปยังสหรัฐฯ โดยรัฐบาลไทยมีแนวโน้มจะใช้การซื้อเครื่องบินเป็นหนึ่งในเงื่อนไขการเจรจาทางการค้า
นอกจากนี้ การบินไทยเพิ่งพ้นจากแผนฟื้นฟูกิจการและเตรียมกลับเข้าตลาดหลักทรัพย์ในช่วงต้นเดือนสิงหาคมนี้ แม้ว่ากำลังการให้บริการจะยังไม่คืนสู่ระดับก่อนโควิด-19 แต่รายได้กลับสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโรคระบาด
อย่างไรก็ตาม การบินไทยยังไม่มีแผนกลับมาเปิดเส้นทางบินตรงสู่สหรัฐฯ แม้อเมริกาจะปรับอันดับความปลอดภัยการบินของไทยให้สามารถเปิดเที่ยวบินตรงได้
วิเคราะห์ปรากฏการณ์
คำกล่าวของซีอีโอและสถานการณ์ที่เกี่ยวข้อง สะท้อนให้เห็นถึงการนำธุรกรรมภาคเอกชนมาผูกโยงกับประเด็นการเมืองการค้าในระดับรัฐ การพิจารณาสั่งซื้อเครื่องบินบินเพิ่มไม่ใช่เพียงตัดสินใจในเชิงพาณิชย์ แต่เป็นกลยุทธ์ในการประชุมเจรจาการค้า ที่รัฐไทยใช้ "การซื้อสหรัฐ-ส่งเสริมเศรษฐกิจสหรัฐฯ" เพื่อพยายามต่อรองสิทธิประโยชน์การค้า
ในทางเศรษฐกิจ แม้ว่าการบินไทยจะลดขนาดองค์กรจากภาวะหนี้มหาศาลสำเร็จ และขยายตัวจนรายได้สูงกว่าก่อนโควิด แต่มาตรการนี้อาจก่อภาระทางการเงินระยะยาวหรือสร้างความเสี่ยงใหม่ให้สายการบิน และสุดท้ายวงจรราคาซื้อเครื่องบินที่กำหนดโดยการเมือง อาจส่งผลต่อสัญญาความคุ้มค่าในอนาคตได้
มุมมองประชาชนอาจตั้งข้อสังเกตว่าการใช้งบเพื่อดึงดูดความเป็นมิตรทางการค้า ย่อมต้องชั่งน้ำหนักระหว่างผลประโยชน์ระดับชาติกับประสิทธิภาพการใช้จ่ายภาครัฐวิสาหกิจ
ถกเถียงและข้อสังเกต
หัวข้อนี้มีความสำคัญเพราะสะท้อนยุทธศาสตร์ของรัฐไทยและองค์กรรัฐวิสาหกิจต่อแรงกดดันในระบบการค้าโลก แนวทางการจับคู่ประเด็นเข้าสู่การเจรจา ภายใต้ข้อจำกัดทั้งเชิงการเมือง เศรษฐกิจ และภาพลักษณ์องค์กร เป็นหัวข้อท้าทายสำหรับสังคมไทย
สิ่งที่น่าตั้งคำถามต่อ ได้แก่
- การซื้อเครื่องบินครั้งนี้จะคุ้มค่าแก่สายการบินไทยและเศรษฐกิจจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงเครื่องต่อรอง
- การบินไทยมีศักยภาพเชิงธุรกิจเพียงพอที่จะขยายฝูงบินตามเงื่อนไขทางการเมืองได้แค่ไหน
- จะเกิดผลข้างเคียงอะไรกับอุตสาหกรรมการบินในภูมิภาค หากรูปแบบนี้กลายเป็นแนวโน้ม
หากมองในเชิงโลกาภิวัตน์ จะพบว่าการค้าและความมั่นคงเศรษฐกิจของรัฐเล็กอย่างไทยต้องเผชิญการต่อรองด้วยเครื่องมือและอำนาจที่หลากหลาย การเคลื่อนไหวนี้อาจเป็นตัวอย่างของการใช้ธุรกิจรัฐวิสาหกิจในการดูแลผลประโยชน์แห่งชาติบนเวทีโลก คำถามสำคัญคือประโยชน์ที่เกิดขึ้นจะกระจายทั่วถึงหรือจะก่อความเสี่ยงระยะยาวแก่สังคมและองค์กรไทยเอง
ประเด็นเหล่านี้ควรถูกถกเถียงในเวทีสาธารณะอย่างโปร่งใส เพื่อให้มั่นใจว่าการเลือกนโยบายดังกล่าวเกิดจากข้อมูลและประโยชน์สาธารณะที่แท้จริง
Comments
No comments yet. Be the first to comment!